Optical Time Domain Reflectometer (OTDR)
เครื่อง OTDR รุ่น GLK3500
Optical Time Domain Reflectometer (OTDR) ใช้ในไฟเบอร์ออปติกเพื่อวัดเวลาและความเข้มของแสงที่สะท้อนบนไฟเบอร์ออปติก ยิ่งไปกว่านั้นมันถูกใช้เป็นอุปกรณ์แก้ไขปัญหาเพื่อค้นหาข้อบกพร่องรอยต่อและโค้งในสายเคเบิลใยแก้วนำแสงด้วยตาต่อการระบุการสูญเสียแสง การสูญเสียแสงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในสายเคเบิลใยแก้วนำแสงเพราะสามารถรบกวนการส่งข้อมูล OTDR สามารถตรวจจับการสูญเสียแสงและระบุจุดที่มีปัญหาทำให้การซ่อมแซมง่ายขึ้น ยิ่งระบุและแก้ไขปัญหาได้เร็วเท่าใดเครือข่ายใยแก้วนำแสงของคุณก็จะยิ่งน้อยลงจากปัญหาการถ่ายโอนข้อมูล
คุณสมบัติ: OTDR รุ่น GLK3500
Screen = Toughened glass
Test range = 128km
Dynamic range = 26/24db
Event blind zone =2.5
RJ45 test Free
OTDR (Optical Time Domain Reflectometer) คือเครื่องวัดสายไฟเบอร์ออพติก(Fiber optic cable) หรือสายใยแก้วนำแสง ที่สามารถวัดสายได้ทั้ง 2 ชนิด คือ
Single-mode กับ Multi-mode
แล้วทำไม ต้องใช้งานได้ทั้งสองแบบ ในเครื่องเดียวกันล่ะ มีความจำเป็นไหม แล้วเครื่องนี้เหมาะกับผู้ใช้งานกลุ่มไหน
ปัจจุบันสายไฟเบอร์ออพติก(Fiber optic cable) ได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะราคาถูกลงมามาก และ สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย Applications ตลอดจนระบบเทคโนโลยีก็พัฒนากันอย่างต่อเนื่อง ทั้งความเร็ว และ ความสะดวกสบาย ในการใช้งาน
ดังนั้น สายไฟเบอร์ออพติก(Fiber optic cable) จึงเป็นตัวเลือกต้นๆ ในการนำมาใช้งานในระบต่างๆ ทั้งชนิด Single-mode และ Multi-mode เพื่อรองรับการใช้งานที่มาก และหลากหลาย
แล้วมีระบบอะไรบ้าง ที่ใช้งานสายไฟเบอร์ออพติก ทั้งสองชนิดนี้ Single-mode & Single-mode
1.ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ทั้งแบบ Analog และ แบบ IP camera เพราะทั้งสอง Applications นี้ สามารถใช้สาย Fiber optic cable ได้ทั้ง ชนิด Multi-mode และ Single-mode
สายชนิด Multi-mode จะใช้ในงานแบบระยะทางสั้นๆ ไม่เกิน 500 เมตร ในระบบกล้อง Analog และ ถ้าเป็นระบบ IP Camera จะสามารถเลือกใช้สายชนิด Single-mode ได้ เพราะไม่จำกัดระยะทาง สูงสุด 120 กิโลเมตร เพราะกล้อง IP camera ทำงานบนระบบ Ethernet LAN network เช่นเดียวกับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.ระบบ Ethernet LAN network ระบบนี้มีความหลากหลายในการใช้งานมาก เพราะว่าผู้ใช้งาน จะมีระบบเดิมๆอยู่แล้ว บางสำนักงาน หรือบางโรงงาน มีระบบที่ใช้สาย ไฟเบอร์ออพติก ชนิด Multi-mode มานานกว่า 20 ปี เพราะว่า ในสมัยก่อน สายชนิด Multi-mode จะมีราคาสูงแต่อุปกรณ์แปลงสัญญาณแพง เช่น Switch หรือ Media converter จะมีราคาถูกกว่า ชนิด Single-mode มาก ผู้ใช้งานจึงนิยมเลือกใช้สาย ชนิด Multi-mode แทนเพราะโดยรวมราคาถูกกว่า
Ethernet Lan network จึงมีการใช้งานสายชนิด Multi-mode เป็นจำนวนมาก แต่ก็จะเป็นสายชนิดเก่า และจำกัดเรื่องความเร็วในการใช้งาน เช่น 10/100Mbps เป็นต้น แต่ในปัจุบันเปลี่ยนไปใช้งานระบบสาย Multi-mode ที่มีความเร็วสูง เช่น OM3, OM4 และ OM5 ที่ความเร็วสูงสุด 100GB
3.ระบบ ดาต้าเซ็นต์เตอร์ (Data center) ระบบนี้เริ่มมีความนิยมสูงมากในปัจจุบัน เพราะผู้ใช้งานคำนึงถึงข้อมูลมาก เรื่องความปลอดภัยในระบบข้อมูล ของแต่ละองค์กร จึงหันมาใส่ใจ ใช้งานระบบเก็บข้อมูลประจำสำนักงาน หรือ องค์กรขนาดใหญ่กันมากขึ้น เช่น ระบบธนาคาร ระบบโรงงานใหญ่ๆ และ ระบบของหน่วยงานราชการ ที่ยังไม่มั่นใจ กับระบบ คราวด์(Cloud Storage) ที่ให้บริการในปัจจุบัน แต่ในไม่ช้าระบบ Cloud storage ก็จะเข้ามาแทนที่ระบบเดิมๆมากขึ้น เช่นกัน
ระบบ Data center ใช้งานสายชนิด Multi-mode แบบ 50/125um (OM2, OM3, OM4 และ OM5 ) OM คืออะไร คือการแบ่งกลุ่ม ความเร็วในการใช้งาน ตั้งแต่ 1GB จนถึง 100GB (จะยังไม่ขอกล่าวถึงรายละเอียดของสาย ชนิด Multi-mode OMต่างๆ)
ทั้ง 3 ระบบ ที่ยกตัวอย่างมานั้น คือ สามารถใช้เครื่องมือวัด OTDR ที่รองรับการใช้งาน ได้ทั้งแบบ ชนิด Single-mode และ Multi-mode ในเครื่องเดียวกัน?
-
OFS - 800- จอแสดงผล LCD สีสันสดใสขนาดใหญ่ 5 นิ้วความละเอียดสูง- รวดเร็ว! เวลาในการต่อเชื่อม 8 วินาทีและเวลาอุ่นเครื่อง 30 วินาทีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีอายุการใช้งานยาวนานมีสปันเ...
-
Fusion splice AI-7 รายละเอียดสินค้า:สัญญาณไฟAI-7/8ล่าสุดจัดตำแหน่งหลักเทคโนโลยีด้วยออโต้โฟกัสและหกมอเตอร์,มันเป็นรุ่นใหม่ของไฟเบอร์ฟิวชั่นเชือก.มันเป็นอย่างเต็มที่ที่มีคุณสมบัติ100...
-
เครื่องสไปรท์สายไฟเบอร์ออฟติกยี่ห้อ Singnal Fire รุ่น AI-9 แบบอัติโนมัติ (Automatic Fusion Splice) ทำงานด้วยมอเตอร์ 6 ตัว ปรับจูนตัวเครื่องผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือ พร้อมเก็บ Log...